เมื่อเราศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นอย่างละเอียดดีแล้ว รู้จักผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนดีแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือติดต่อโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายหุ้น ท่านจะสมัครผ่านอินเทอร์เน็ต หรือติดต่อที่โบรกเกอร์โดยตรงก็ได้ สามารถเข้าไปดูรายชื่อโบรกเกอร์เพื่อทำการสมัครได้จาก Link นี้ >> รายซื่อโบรกเกอร์
สำหรับขั้นตอนสมัครทางอินเตอร์เน็ต ก็มีจะแบบฟอร์มให้กรอก และหลักฐานที่ต้องใช้ในการสมัคร จากนั้นทางก็ Print แล้วส่งมาตามที่อยู่ที่บริษัทให้ไว้ รอการอนุมัติประมาณ 1 สัปดาห์
สำหรับขั้นตอนสมัครทางอินเตอร์เน็ต ก็มีจะแบบฟอร์มให้กรอก และหลักฐานที่ต้องใช้ในการสมัคร จากนั้นทางก็ Print แล้วส่งมาตามที่อยู่ที่บริษัทให้ไว้ รอการอนุมัติประมาณ 1 สัปดาห์
ประเภทบัญชีหุ้น แบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกันดังนี้
1.บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account หรือ Prepaid)
เป็นบัญชีที่เราสามารถซื้อขายหุ้นได้เท่ากับจำนวนเงินที่นำมาฝากไว้กับทางโบรกเกอร์ คือมีเท่าไรสามารถซื้อขายได้เท่านั้น เหมือนเราเอาเงินมาฝากไว้กับธนาคาร เวลาจะเอาไปใช้ก็ถอนได้ตามจำนวนเงินที่มี ข้อดี คือสร้างวินัยในการลงทุน สามารถควบคุมการซื้อขายได้ ทำให้ไม่เผลอไปเล่นเกินตัว
2. บัญชีเงินสด (Cash Account หรือ Normal Cash)
เป็นบัญชีที่โบรกเกอร์จะพิจารณาอนุมัติวงเงินให้นักลงทุน ตามหลักฐานการเงิน เช่น บัญชีเงินฝากธนาคาร, สลิปเงินเดือน หรือโฉนดที่ดิน โดยจะต้องฝากเงินเพื่อเป็นหลักประกันไว้จำนวนหนึ่ง และจะต้องชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ภายใน 3 วันทำการนับจากวันที่ซื้อหลักทรัพย์ (*T+3) ซึ่งนักลงทุนสามารถโอนเงินหรือตัดเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารอัตโนมัติ ( *ATS )
*T+3 T หมายถึงวันที่เราซื้อหรือขายหุ้น เช่น ถ้าเราซื้อหุ้นวันจันทร์ เราต้องชำระเงินภายใน 3 วัน คือ อังคาร พุธ พฤหัส
*T+3 T หมายถึงวันที่เราซื้อหรือขายหุ้น เช่น ถ้าเราซื้อหุ้นวันจันทร์ เราต้องชำระเงินภายใน 3 วัน คือ อังคาร พุธ พฤหัส
* ATS หมายถึง บัญชีเงินฝากธนาคารที่ใช้สำหรับชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยบริษัทจะดําเนินการตัดเงินในบัญชีธนาคารของลูกค้าตามคําสั่งของลูกค้าผ่านระบบหักบัญชีอัตโนมัติ ของธนาคารตามที่ลูกค้าได้แจ้งข้อมูลไว้
ข้อดี ของการเปิดบัญชีเงินสดคือลูกค้าสามารถเพิ่มอำนาจการซื้อหลักทรัพย์มากกว่าจำนวนเงินที่ตนเองมีอยู่ได้ แต่ต้องชำระเงินภายใน (T+3)
ข้อดี ของการเปิดบัญชีเงินสดคือลูกค้าสามารถเพิ่มอำนาจการซื้อหลักทรัพย์มากกว่าจำนวนเงินที่ตนเองมีอยู่ได้ แต่ต้องชำระเงินภายใน (T+3)
3. บัญชีเครดิตบาลานซ์ (Credit Balance Account)
เป็นบัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ โดยต้องเสียดอกเบี้ยตามที่โบรกเกอร์กำหนด โดยนักลงทุนจะต้องวางเงินสดหรือหลักทรัพย์จดทะเบียนเป็นประกัน โดยส่วนใหญ่จะยืมเงินโบรกเกอร์ 50 % เงินตนเอง 50% ถ้ากำไรก็จะให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ถ้าขาดทุนก็จะขาดทุนมากเช่นกัน
สำหรับเอกสารที่ใช้เปิดบัญชีหุ้นมีดังนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ หรือหนังสือเดินทาง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาสมุดเงินฝากย้อนหลัง 3-6 เดือน (แนะนำให้ยอดคงเหลือสุดท้ายเยอะหน่อย)
- ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท ( บางโบรกก็ไม่ต้อง )
แนะนำเตรียมไว้อย่างละ 2 ชุด อย่าลืมเซนต์สำเนาถูกต้องด้วยนะครับ!!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น