วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อ่านหนังสือหมื่นเล่ม มิเท่าเดินทางพันหลี้

                 ก่อนเดินทางเข้าสู่สมรภูมิหุ้น ผมได้อ่านหนังสือมาหลายเล่ม และได้เห็นประสบการณ์ที่ผิดพลาดใน " การลงทุนในหุ้น " ของคนใกล้ตัวมาพอสมควร ผมได้เลือกหุ้นมาตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นหุ้นพลังงานทดแทน สาเหตุที่ผมเลือกหุ้นตัวนี้นั้น ก็เพราะได้แนวคิดมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวคิดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet)  เหตุผลที่ผมเลือกหุ้นตัวนี้ คือ
  1. เป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอนกึ่งผูกขาด เมื่อทางบริษัทผลิตไฟฟ้าได้แล้ว ก็มีสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าจากภาครัฐ
  2. ประเทศไทยยังขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากต้องรับซื้อจากต่างประเทศ
  3. ตอนแรกผมได้เข้าไปได้เว็บไซต์บริษัทดูการลงทุนก่อสร้าง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ปีแรก ผลิตได้ 8 เมกกะวัตต์   ปีสอง ผลิตได้ 90 เมกกะวัตต์   ปีสาม ผลิตได้ 90 เมกกะวัตต์  ต่อจากนั้นก็ยังมีพลังงานลมอีก " เห้ยกำลังการผลิตมันเพิ่มทุกปีนี่หว่า  รายได้มันก็เพิ่มขึ้นทุกปีคนเห็นก็ต้องมาแห่กันมาซื้อแน่ ๆ " มีคนอาจจะแย้งผมว่าอ้าว ถ้าบริษัทผลิตไฟฟ้าเสร็จไม่ทันตามเป้าละจะทำไง  ผมก็สังเกตจาก ปีแรก โรงงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ 8 เมกกะวัตต์ มันผลิตได้ตรงตามเป้าแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร  ก็แปลว่าโรงที่สองมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แล้วอีกอย่างหนึ่ง ผมได้ไปฟัง Opportunity Day ของบริษัท  บริษัทได้อธิบายการก่อสร้างอย่างละเอียดตั้งแต่ทำเลว่า  " น้ำไม่ท่วม ที่ตั้งแพงโซลาร์สูงเท่าไร การวางระบบสายไฟต้องว่าแบบไหน   พูดคุยกันถึงขนาดส่วนประกอบของแผงโซลาร์ " ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญอย่างมากในการก่อสร้าง แล้วผมก็สังเกตตอนนักลงทุนถามคำถามในตอนท้ายผู้บริหารก็ตอบคำถามได้หมด เป็นอันว่าพอลดความเสี่ยงได้บ้าง
  4. ราคาตอนผมซื้อสูงกว่า ipo ไม่มาก ถึง PE จะสูง แต่ยังมีโครงการก่อสร้างมีมากมาย แล้วมีการก่อสร้างเพิ่มทุกปี ซึ่งจะมีรายละเอียดบอกว่า ก่อสร้างเสร็จวันที่เท่าไร ทำให้เราสามารถคาดการณ์รายได้  รายได้ที่เห็นก็จะทบต้นทุกปี
  5. สำหรับความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไบโอดีเซล ถึงแม้ในตอนนั้นสัดส่วนรายได้จะมากกว่าในส่วนของพลังงานไฟฟ้า แต่ความพลันพวนของราคาหรือผลผลิตปาล์มน้ํามัน เมื่อเทียบกับรายได้จากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว ถือเป็นความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  6. มีการจัดโรดด์โชว์ให้ผู้ถือหุ้นเยี่ยมชมโชลาร์ฟาร์ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้น และ การเปิดเผยข้อมูลกับนักลงทุน
            หลังจากนั้นก็ตัดสินใจซึ้อหุ้นตัวนั้น กะว่าจะถือยาวซัก 4 ปี แล้วค่อยว่ากันใหม่ แต่เมื่อถือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  "เทพเทือก"  ประกาศปิดกทม ด้วยความเป็นมือใหม่ เกิดความโลภ ผมเทขายทำกำไรแล้วกะว่าจะช้อนซื้อ ในราคาที่  "ถูกลง" แต่ปรากฎว่ามันไม่ยอมลง ขึ้นไป  7 บาท 8 บาท 9 บาท  หุ้นตัวเทพผม ไปพร้อมกับเทพเทือกแล้ว............ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น