ก่อนเดินทางเข้าสู่สมรภูมิหุ้น ผมได้อ่านหนังสือมาหลายเล่ม และได้เห็นประสบการณ์ที่ผิดพลาดใน " การลงทุนในหุ้น " ของคนใกล้ตัวมาพอสมควร ผมได้เลือกหุ้นมาตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นหุ้นพลังงานทดแทน สาเหตุที่ผมเลือกหุ้นตัวนี้นั้น ก็เพราะได้แนวคิดมาจากหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวคิดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet) เหตุผลที่ผมเลือกหุ้นตัวนี้ คือ
- เป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอนกึ่งผูกขาด เมื่อทางบริษัทผลิตไฟฟ้าได้แล้ว ก็มีสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าจากภาครัฐ
- ประเทศไทยยังขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากต้องรับซื้อจากต่างประเทศ
- ตอนแรกผมได้เข้าไปได้เว็บไซต์บริษัทดูการลงทุนก่อสร้าง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ปีแรก ผลิตได้ 8 เมกกะวัตต์ ปีสอง ผลิตได้ 90 เมกกะวัตต์ ปีสาม ผลิตได้ 90 เมกกะวัตต์ ต่อจากนั้นก็ยังมีพลังงานลมอีก " เห้ยกำลังการผลิตมันเพิ่มทุกปีนี่หว่า รายได้มันก็เพิ่มขึ้นทุกปีคนเห็นก็ต้องมาแห่กันมาซื้อแน่ ๆ " มีคนอาจจะแย้งผมว่าอ้าว ถ้าบริษัทผลิตไฟฟ้าเสร็จไม่ทันตามเป้าละจะทำไง ผมก็สังเกตจาก ปีแรก โรงงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ 8 เมกกะวัตต์ มันผลิตได้ตรงตามเป้าแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็แปลว่าโรงที่สองมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แล้วอีกอย่างหนึ่ง ผมได้ไปฟัง Opportunity Day ของบริษัท บริษัทได้อธิบายการก่อสร้างอย่างละเอียดตั้งแต่ทำเลว่า " น้ำไม่ท่วม ที่ตั้งแพงโซลาร์สูงเท่าไร การวางระบบสายไฟต้องว่าแบบไหน พูดคุยกันถึงขนาดส่วนประกอบของแผงโซลาร์ " ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญอย่างมากในการก่อสร้าง แล้วผมก็สังเกตตอนนักลงทุนถามคำถามในตอนท้ายผู้บริหารก็ตอบคำถามได้หมด เป็นอันว่าพอลดความเสี่ยงได้บ้าง
- ราคาตอนผมซื้อสูงกว่า ipo ไม่มาก ถึง PE จะสูง แต่ยังมีโครงการก่อสร้างมีมากมาย แล้วมีการก่อสร้างเพิ่มทุกปี ซึ่งจะมีรายละเอียดบอกว่า ก่อสร้างเสร็จวันที่เท่าไร ทำให้เราสามารถคาดการณ์รายได้ รายได้ที่เห็นก็จะทบต้นทุกปี
- สำหรับความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไบโอดีเซล ถึงแม้ในตอนนั้นสัดส่วนรายได้จะมากกว่าในส่วนของพลังงานไฟฟ้า แต่ความพลันพวนของราคาหรือผลผลิตปาล์มน้ํามัน เมื่อเทียบกับรายได้จากการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว ถือเป็นความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- มีการจัดโรดด์โชว์ให้ผู้ถือหุ้นเยี่ยมชมโชลาร์ฟาร์ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้น และ การเปิดเผยข้อมูลกับนักลงทุน
หลังจากนั้นก็ตัดสินใจซึ้อหุ้นตัวนั้น กะว่าจะถือยาวซัก 4 ปี แล้วค่อยว่ากันใหม่ แต่เมื่อถือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน "เทพเทือก" ประกาศปิดกทม ด้วยความเป็นมือใหม่ เกิดความโลภ ผมเทขายทำกำไรแล้วกะว่าจะช้อนซื้อ ในราคาที่ "ถูกลง" แต่ปรากฎว่ามันไม่ยอมลง ขึ้นไป 7 บาท 8 บาท 9 บาท หุ้นตัวเทพผม ไปพร้อมกับเทพเทือกแล้ว............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น